ความรุ่งเรืองและความเสื่อมสลายของอาณาจักรพุกาม




รายงานการทบทวนวรรณกรรม

ความรุ่งเรืองและความเสื่อมสลายของอาณาจักรพุกาม

วิไลเลขา บุรณศิริ และสิริรัตน์ เรืองวงศ์วาร (2523) ได้กล่าวถึงความรุ่งเรืองของอาณาจักรพุกาม ไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนการเข้ามาของชาวตะวันตก โดยสรุปสาระสำคัญได้ว่า อาณาจักรพุกามในสมัยพระเจ้าอนิรุทธิ์ และกยันษิฐา พม่าสามารถแผ่ขยายอาณาเขตออกไปยังดินแดนของพวกอารกัน อาณาจักรมอญที่ ท่าตอน (Thaton) และเข้าไปยังอาณาจักรมอญในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา การที่พุกามได้ปราบมอญไว้ใต้อำนาจได้นี้ส่งผลในพุกามได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมมอญโดยเฉพาะด้านศาสนาและวัฒนธรรม แต่ต่อมาภายหลังอารยธรรมของพม่าก็ได้ปรากฎเด่นชัดขึ้นเหนืออารยธรรมมอญที่ทรงอิทธิพลอยู่แต่เดิม ทั้งนี้เนื่องจากการผสมผสานอารยธรรมพม่าและมอญเข้าด้วยกัน และความเป็นชาตินิยมของชาวพม่าเองด้วย
ยอร์ช เซเดห์ (2525) ได้กล่าวถึง ความเจริญรุ่งเรืองและการล่มสลายของอาณาจักรพุกาม ไว้ในหนังสือ ชนชาติต่าง ๆ ในแหลมอินโดจีน โดยเน้นไปที่สถานการณ์ในรัชสมัยของกษัตริย์พระองค์ต่าง ๆ ซึ่งสามารถสรุปสาระสำคัญได้ว่า ประวัติศาสตร์ของอาณาจักรพุกามนี้ได้เริ่มต้นขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าอนิรุธ โดยในรัชสมัยของพระองค์อาณาจักรพุกามถือได้ว่ามีความเจริญรุ่งเรือง เนื่องจากการขยายดินแดนจนกว้างใหญ่ มีการจัดการระบบชลประทานที่ดี มีการรับเอาพุทธศาสนานิกายเถรวาทมาไว้ที่อาณาจักรพุกาม ทำให้ชาวพม่าเลิกยึดถือไสยศาสตร์ตามลัทธิอริ ซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิม และที่สำคัญพระองค์ยังทรงส่งกองทัพไปตีหัวเมืองมอญที่อยู่ด้านใต้ และสามารถพิชิตดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ ทำให้พม่ามีทางออกสู่ทะเล นอกจากนี้ยังทำให้อาณาจักรพุกามได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมมอญ ทั้งในด้านศาสนา วรรณคดี และศิลปะ และในเวลาต่อมาก็มีกษัตริย์ผู้ทรงพระปรีชาอีกพระองค์หนึ่งคือ พระเจ้าคยันสิทถา  โดยพระองค์ถือได้ว่าเป็นกษัตริย์ที่ยกย่องอารยธรรมมอญ และเคร่งในพุทธศาสนา ในรัชสมัยของพระองค์ได้มีการสร้างเจดีย์ขนาดใหญ่ขึ้น คือเจดีย์อนันตปัญญา นับเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงาม นอกจากนี้พระองค์ยังส่งคณะทูตไปยังประเทศจีน และหลังจากรัชสมัยของพระเจ้าคยันสิทถานี้ อาณาจักรพุกามก็เริ่มเกิดความวุ่นวายในราชสำนักเรื่อยมา จนถึงรัชสมัยของพระเจ้าชัยสุระที่ 2 ซึ่งในรัชสมัยของพระองค์นับเป็นช่วงที่อาณาจักรพุกามมีความสงบเรียบร้อย ซึ่งในช่วงเวลานี้พุทธศาสนาจากลังกาได้เข้ามามีอิทธิพลอย่างสูงทั้งต่อสังคมและงานศิลปะ จากการเข้ามาของพระภิกษุ จาปาทะ และทำให้อารยธรรมมอญเริ่มเสื่อมถอยลงไป เมื่อสิ้นรัชสมัยของพระเจ้าชัยสุระที่ 2 นี้พุกามก็เริ่มก้าวสู่การเสื่อมสลาย เกิดความวุ่นวายในราชสำนัก มีการแก่งแย่งราชสมบัติ และมีพระเจ้านรสิงหบดีทรงเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ที่ได้ครองอาณาจักรพุกาม
          นอกจากนี้ผู้เขียนยังได้มีการกล่าวถึงหลักฐาน ด้านสถาปัตยกรรมในอาณาจักรพุกาม โดยได้มีการแบ่งยุคสมัยของสถาปัตยกรรมดังกล่าว ออกเป็น 2 ยุค ได้แก่
                    ยุคแรก (..1044 - 1113) เป็นยุคที่สถาปัตยกรรมในพุกามได้รับอิทธิพลจากมอญเป็นส่วนใหญ่
          ยุคที่ 2 เป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่องจากยุคแรกจนถึงช่วงที่พุกามได้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของมองโกล โดยสถาปัตยกรรมในยุคนี้ก็เริ่มมีความแปลกใหม่มากขึ้น และอิทธิพลของอารยธรรมมอญที่ปรากฏในสถาปัตยกรรมก็ถือว่ามีอยู่บ้าง แต่เป็นส่วนน้อย
         
     ดี.จี.อี ฮอลล์ (2526) ได้กล่าวถึง ความรุ่งเรืองของอาณาจักรพุกามโดยเฉพาะในรัชสมัยของพระเจ้าอโนรธา พระเจ้าครรชิต และการตกอยู่ภายใต้อำนาจของมองโกลในรัชสมัยของพระเจ้านรสีหบดี ไว้ในหนังสือ ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เล่ม 1 โดยสรุปสาระสำคัญได้ว่า พระเจ้าอโนรธาทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่ทรงรวบรวมพม่าให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในทางการเมือง แต่เรื่องราวของพระองค์ยังถือได้ว่ามีความน่าเชื่อถือน้อย เพราะหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระองค์นั้นถือว่ามีน้อยมาก แต่ความสำเร็จของพระองค์ก็นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองให้กับอาณาจักรพุกาม เช่น การรวบรวมดินแดน และสร้างแนวป้องกันเขตแดนของอาณาจักร ทรงมีชัยชนะเหนืออาณาจักรมอญ พร้อมกับทรงอัญเชิญ พระชินอรหันต์จากอาณาจักรดังกล่าวมาเผยแผ่พุทธศาสนานิกายหินยานให้แก่ชาวพุกาม  โดยผู้เขียนได้ยกงานเขียนของกอร์ดอน ลูซมาเป็นหลักฐานที่ช่วยยืนยันแนวคิดดังกล่าว แต่ถึงกระนั้นก็เผยแผ่เข้ามาของพุทธศาสนานี้ชาวพม่าก็มิได้รับเข้ามาอย่างบริสุทธิ์ แต่มีการปรับให้เข้ากับความเชื่อดั้งเดิมของตน นอกจากนี้จากการเข้าตีอาณาจักรมอญก็ทำให้อารยธรรมมอญเข้ามามีอิทธิพลในอาณาจักรพุกาม โดยเฉพาะในราชสำนัก
         ต่อมาในรัชสมัยของพระเจ้าครรชิต ที่ภูมิหลังของพระองค์ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันระหว่างว่า พระองค์ทรงเป็นโอรสของพระเจ้าอโนรธาหรือไม่  แต่อย่างไรก็ตามพระปรีชาสามารถของพระองค์ก็ถือได้ว่าเป็นที่ประจักษ์ โดยในรัชสมัยของพระองค์เป็นช่วงที่อารยธรรมมอญมีความเจริญรุ่งเรืองในอาณาจักรพุกาม เนื่องจากพระเจ้าครรชิตทรงมีความนิยมในวัฒนธรรมมอญ โดยทรงมีความพยายามในการสร้างความร่วมมือกันระหว่างชาวพม่าและชาวมอญ พระเจ้าครรชิตทรงยกฐานะของกษัตริย์ในพุกามให้สูงขึ้นโดยใช้พิธีพราหมณ์ นอกจากนี้ผลงานที่สำคัญที่สุดของพระองค์อีกประการหนึ่งก็คือ การรวบรวมและชำระพระไตรปิฎก และมีการส่งทูตไปยังประเทศจีน
หลังจากรัชสมัยของพระองค์สถานการณ์ในอาณาจักรของพุกามก็ดำเนินเรื่อยมาจนถึงรัชสมัยของพระเจ้านรสีหบดี ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว ชนชาติมองโกลได้ขึ้นมามีอำนาจเหนือจีน และมีความต้องการที่จะแผ่ขยายอำนาจไปยังดินแดนต่าง ๆ  ซึ่งก็รวมถึงอาณาจักรพุกามในขณะนั้นด้วย ในช่วงเวลานี้พุกามอยู่ในสภาวะที่มีความวุ่นวายภายในอาณาจักรโดยพระเจ้านรสีหบดีถือว่าเป็นกษัตริย์ที่มีความโหดร้ายและไม่เลื่อมใสในพุทธศาสนา โดยเหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยของพระองค์ก็คือการประหารคณะทูตจากจักรพรรดิกุบไลข่าน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้จักรพรรดิกุบไลข่านทรงพิโรธและให้ผู้ปกครองในหัวเมืองใกล้เคียงจัดการลงโทษพม่า และนำไปสู่การล่มสลายของอาณาจักรในที่สุด
สมคิด ศรีสิงห์ (2526) ได้กล่าวถึง ราชวงศ์ของอาณาจักรพุกาม ไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์เอเชียอาคเนย์ โดยสรุปสาระสำคัญได้ว่า พระเจ้าอโนรธา เป็นกษัตริย์พระองค์แรกของอาณาจักรพุกาม โดยพระองค์ทรงเป็นผู้สถาปนาอาณาจักรขึ้น และต่อมาก็ได้มีกษัตริย์องค์อื่น ๆ ขึ้นครองราชย์ โดยอาณาจักรพุกามนี้มีกษัตริย์ขึ้นปกครองเมืองทั้งสิ้น 14 พระองค์ ได้แก่ 1) Anawratha 2) Sawlu 3) Kyanzittha 4)  Alaungsithu 5) Narathu 6) Naratheihka 7) Narapatisithu 8) Nantaungmya (Htilominlo) 9) Kyaswa 10) Uzana I 11) Narathihapate (Tarokpyemin) 12) Kyawswa 13) Sawhnit 14) Uzana II
ดารารัตน์ เมตตาริกานนท์ (2531) ได้กล่าวถึงความรุ่งเรืองของอาณาจักรพุกาม ไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 1 โดยสรุปสาระสำคัญไว้ทั้งสิ้น 4 ด้าน ได้แก่
1. ด้านสังคม สังคมพุกามเป็นสังคมเกษตรกรรม ชาวพุกามมีความชำนาญในการค้าขาย
2. ด้านศาสนา แต่เดิมชาวพุกามมีความเชื่อเรื่องภูตผี ต่อมาก็ได้หันมานับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาท ซึ่งความเชื่อทางพุทธศาสนานี้ก็ได้ถูกนำมาผสมผสานกับความเชื่อเดิม พระและวัดมีความสำคัญต่อชีวิตของชาวพุกามมาก
3. ด้านศิลปะและวรรณคดี พุกามได้รับอิทธิพลของมอญในยุคแรก ๆ ทั้งการนำภาษาและตัวอักษรของมอญมาใช้ แต่ภายหลังก็ได้เริ่มมีการพัฒนาศิลปะของพม่าโดยผสมเข้ากับอิทธิพลของอินเดีย
4. ด้านการปกครอง อาณาจักรพุกามมีลักษณะการปกครองแบบศักดินาสวามิภักดิ์ โดยกษัตริย์ของพม่าจะอยู่ในฐานะเทวราชา และมีเหล่าขุนนางคอยช่วยในการปกครองบ้านเมือง
          ชาญวิทย์ เกษตรศิริ (2544) ได้กล่าวถึงความเจริญรุ่งเรืองและการล่มสลายของอาณาจักรพุกาม ไว้ในหนังสือ พม่า : ประวัติศาสตร์และการเมือง โดยสรุปสาระสำคัญได้ว่า นับตั้งแต่รัชสมัยของพระเจ้าอโนรธา อาณาจักรพุกามก็ได้มีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น ในด้านการทหาร และด้านสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะด้านสถาปัตยกรรมที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากในรัชสมัยของพระเจ้าจันสิทถา ที่ได้มีการสร้างเจดีย์สำคัญ 2 องค์ คือเจดีย์ชเวสิกองและเจดีย์อานันท์ ซึ่งในปัจจุบันเจดีย์ทั้ง 2 องค์นี้ก็ยังคงเป็นที่เคารพสักการะของชาวพม่า นอกจากนี้พุกามยังถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของอาณาจักรเนื่องจากการได้รับอิทธิพลจากอินเดียในด้านศาสนาพราหมณ์ฮินดู และพุทธ โดยผู้เขียนได้อ้างถึงงานเขียนของ ยอร์ช เซเดห์ ที่ได้อธิบายอิทธิพลดังกล่าวว่าเป็น ภารตาภิวัตน์” (Indianization) ซึ่งนอกจากในพุกามแล้ว อิทธิพลดังกล่าวก็ได้แพร่กระจายไปทั่วดินแดนในแถบนี้ โดนอาณาจักรพุกามได้มีรูปแบบการปกครองที่ได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิด เทวราช และในการสร้างเมืองก็ได้มีการใช้แนวคิดเกี่ยวกับเขาพระสุเมรุมาประกอบ
          พุกามมีพัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงเรื่อยมาตลอดช่วงระยะเวลากว่า 200 ปี จนกระทั่งถูกกองทัพมองโกลของจักรพรรดิกุบไลข่านที่มีอิทธิพลทางภาคเหนือตีจนล่มสลายไปในที่สุด
        หม่องทินอ่อง (2556) ได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นและการล่มสลายของอาณาจักรพุกามไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์พม่า โดยสรุปสาระสำคัญได้ว่า อาณาจักรพุกามถูกสถาปนาขึ้นโดยพระเจ้าอนุรุท ภายหลังการล่มสลายของอาณาจักรศรีเกษตรและการเลิกรุกรานของอาณาจักรน่านเจ้า โดยพระเจ้าอนุรุททรงสร้างกองทัพที่ยิ่งใหญ่ จากการที่เคยอยู่ภายใต้บารมีของอาณาจักรน่านเจ้า ทำให้พระองค์ทรงมีความชำนาญด้านการทหารและทรงขยายดินแดนไปทั่วบริเวณนำมาซึ่งมาเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรพุกามในเวลาต่อมา จนมาถึงช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 ก็เริ่มเข้าสู่ยุคเสื่อมสลายของอาณาจักรพุกาม ซึ่งสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การล่มสลาย คือ ความเสื่อมโทรมของสภาพสังคมในขณะนั้น กอปรกับอิทธิพลของมองโกลที่รุกรานอาณาจักรต่าง ๆ จากทางภาคเหนือ ซึ่งอิทธิพลดังกล่าวนอกจากจะส่งผลต่อการล่มสลายของอาณาจักรพุกามแล้ว ยังส่งผลต่อการก่อตัวของอาณาจักรของชนชาติอื่น ๆในพม่า ในเวลาต่อมา ทั้งอาณาจักรอังวะที่เป็นชาวไทใหญ่ ยะไข่ที่เป็นชาวพม่า และพะโคที่เป็นชาวมอญ
ดวงธิดา ราเมศวร์ (..) ได้กล่าวถึง ความรุ่งเรืองของอาณาจักรพุกาม ไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์และราชวงศ์อาเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสรุปสาระสำคัญได้ว่า อาณาจักรพุกามก่อตั้งโดยพระเจ้าพยินบยา(Pyinbya) ในบริเวณที่เป็นเมืองพุกามในปัจจุบัน โดยกษัตริย์ทรงพระปรีชาสามารถที่สุด และเป็นที่กล่าวถึงอย่างมากคือ พระเจ้าอโนรถ (Anawratha) พระองค์ทรงประสบความสำเร็จทั้งในด้านการขยายอาณาเขตและการศาสนา โดยพระองค์ทรงเป็นผู้นำพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทจากลังกาเข้ามาเผยแผ่ในพุกาม และทำให้อาณาจักรดังกล่าวกลายเป็นศูนย์กลางของพุทธศานสนานิกายเถรวาทในดินแดนแถบนี้ และยังเป็นผู้ริเริ่มสร้างมหาเจดีย์ชเวดากองขึ้น แต่ก็ไม่แล้วเสร็จในรัชสมัยของพระองค์ นอกจากนี้กษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาอีกพระองค์หนึ่งของอาณาจักรพุกาม คือ พระเจ้ากันสิทฐา (Kyanzittha) หรือกันชิต ในรัชสมัยของพระองค์ก็ได้ทรงสร้างมหาเจีดีย์ชเวดากองต่อจนสำเร็จ พระองค์ทรงขยายอาณาเขตของอาณาจักร และเผยแผ่พุทธศาสนาไปสู่วงกว้าง นอกจากนี้พระองค์ยังทรงสถาปนาความสัมพันธ์กับชาวพุทธในอินเดียโดยการส่งคนไปช่วยเหลือในการบูรณธปฏิสังขรณ์ พุทธคยา และพระองค์ยังเป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่ทรงส่งทูตไปเยือนประเทศจีน โดยภายหลังรัชสมัยของพระเจ้ากันสิทฐานี้ อาณาจักรพุกามก็มิได้รุ่งเรืองมากขึ้น และเริ่มเสื่อมถอยจนล่มสลายในที่สุด
บทสรุป
จากการศึกษาความเจริญรุ่งเรืองและการล่มสลายของอาณาจักรพุกาม พบว่าในประเด็นของความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรพุกาม นักวิชาการกระแสหลักจะให้ความสำคัญกับรัชสมัยของพระเจ้าอโนรธา(เรียกตามเอกสารของดี.จี.อี ฮอลล์และพระเจ้าครรชิตในบางส่วน ทั้งในแง่ของศักยภาพทางด้านการทหาร และความเจริญรุ่งเรืองของศิลปวัฒนธรรมจากมอญและอินเดีย เช่น ศาสนาพุทธ และพราหมณ์-ฮินดู แต่ในขณะเดียวกันก็มีงานบางส่วนที่กล่าวถึงสาเหตุของความเจริญรุ่งเรืองที่มาจากด้านภูมิศาสตร์เศรษฐกิจอีกด้วย เช่น เอกสารของยอร์ช เซเดส์ ที่กล่าวถึงการจัดระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพ และการควบคุมพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดี และในส่วนของการล่มสลายของอาณาจักรพุกาม เอกสารส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการล่มสลายที่เกิดจากปัจจัยภายนอก (External factor) ซึ่งก็คือ การถูกรุกรานโดยอาณาจักรมองโกล ซึ่งมีกองทัพที่แข็งแกร่งและยุทธศาสตร์การรบที่รวดเร็วดุดัน แต่ก็มีเอกสาเอกสารส่วนน้อย คืองานของ หม่องทินอ่อง และเซเดส์ ที่กล่าวถึงปัจจัยภายใน (Internal factor) คือ การเมืองในราชสำนัก และความเสื่อมโทรมของสังคม

เอกสารอ้างอิง

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, (2544). ราชวงศ์พุกาม (พ.ศ.1587 – 1830/1044 - 1287). ใน พม่า : ประวัติศาสตร์และการเมือง (พิมพ์ครั้งที่ 4). (น.3 - 11). กรุงเทพฯ : มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์.
ดารารัตน์ เมตตาริกานนท์, (2531). อาณาจักรต่าง ๆ สมัยแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. ใน ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 1. (.71 - 78). ขอนแก่น : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ดี.จี.อี. ฮอลล์, (2526). จักรวรรดิพุกาม ค..1044 – 1287. ใน ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เล่ม 1 (พิมพ์ครั้งที่ 2). (.185 - 199). กรุงเทพฯ : มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์.
ดวงธิดา ราเมศวร์, (...). ประวัติศาสตร์ราชวงศ์พม่า. ใน พิริยะ พยุหพรยาตรา และปรเมศวร์ วิตตินานนท์ (..), ประวัติศาสตร์และราชวงศ์อาเชียตะวันออกเฉียงใต้ (พิมพ์ครั้งที่ 1) (.88 - 92). กรุงเทพฯ : ทัพอักษร การพิมพ์.
ยอร์ช เซเดห์, (2525). รัฐต่าง ๆ ในอินโดจีนตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 ถึงศตวรรษที่ 13 : พม่า. ใน ชนชาติต่าง ๆ ในแหลมอินโดจีน (พิมพ์ครั้งที่ 2). (.98 - 103). กรุงเทพฯ : มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์.
วิไลเลขา บุรณศิริ และสิริรัตน์ เรืองวงศ์วาร, (2523). อาณาจักรพม่า. ใน ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนการเข้ามาของชาวตะวันตก (พิมพ์ครั้งที่ 6). (.166 - 184). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
สมคิด ศรีสิงห์, (2526). อาณาจักรโบราณในพม่า. ใน ประวัติศาสตร์เอเชียอาคเนย์ (พิมพ์ครั้งที่ 3). (.126 - 133). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์พิฆเณศ.
หม่องทินอ่อง, (2556). อาณาจักรพุกามและจักรวรรดิพม่าครั้งแรก และความเสื่อมของอาณาจักรพุกามและการรุกรานของชนชาติมองโกล. ใน ประวัติศาสตร์พม่า (พิมพ์ครั้งที่ 4). (.33 - 83). กรุงเทพฯ : มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์.

Comments

Popular Posts